การศึกษาเรื่องราวยุคก่อนประวัติศาสตร์ของอาณาจักรล้านนานั้นไม่สามารถทราบเรื่องราวที่ต่อเนื่องกันได้
ทำได้เพียงคาดคะเนจากหลักฐานทางโบราณคดีเพียงเท่านั้น ไม่มีหลักฐานอื่นๆ
ที่จะช่วยยืนยันเรื่องราวความเป็นมาในด้านอื่นได้อีก จึงทำให้ช่วงระยะเวลาดังกล่าวขาดตอนไป
จนกระทั่งเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรให้ศึกษาค้นคว้า
จึงทำให้ทราบประวัติความเป็นมาของดินแดนแถบนี้ได้ว่าราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓
เกิดเป็นเมืองหริภุญไชยขึ้น และเรื่องราวต่างๆ
ในดินแดนแถวนี้ก็มีความชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ
ก่อนที่จะมีการสถาปนาอาณาจักรล้านนาขึ้นนั้นได้มีบ้านเมืองและชุมชนขนาดใหญ่เกิดขึ้นแล้ว
อาทิ เมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน เมืองพะเยา เมืองหริภุญไชย และยังได้มีการค้นพบเมืองเล็กๆ
อีกจำนวนมากตามลุ่มน้ำต่างๆ เช่น เวียงฝาง เวียงปรึกษา เวียงสีทวง เวียงพางคำ
เวียงสุทโธ เวียงห้อ
เวียงมะลิกา และเวียงท่ากาน
เมืองต่างๆ
เหล่านี้นอกจากจะมีหลักฐานทางโบราณคดีปรากฏอย่างชัดเจนแล้ว ยังมีข้อมูลจากเอกสารประเภทตำนานและพงศาวดาร
ที่กล่าวถึงการตั้งชุมชนเผ่าไททางตอนบนของภาคเหนือซึ่งในสมัยแรกนั้น มีผู้นำสำคัญ
๒ ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์ไทยเมืองของพระเจ้าสิงหนวัติกุมารและราชวงศ์ลวจังกราช เนื้อหามีอยู่ในตำนานพื้นเมืองของล้านนาหลายเรื่อง
อาทิ ตำนานสิงหนวัติกุมาร พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน ตำนานสุวรรณโคมคำ
ตามตำนานกล่าวว่า ราชวงศ์สิงหนวัติกุมาร มีราชบุตรชื่อ
สิงหนวัติกุมาร ได้อพยพผู้คนมาจากเมืองไทยเทศเมื่อมหาศักราช ๑๗ (ตอนต้นพุทธกาล) มาตั้งบ้านเมืองใกล้กับแม่น้ำโขงและไม่ไกลจากเมืองสุวรรณโคมคำมากนัก
เมืองใหม่ชื่อนาคพันธุ์สิงหนวัตินคร เมืองนาคพันธุ์ฯ
นี้ได้เรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า โยนกนครไชยบุรีศรีช้างแสน เมืองนี้มีกษัตริย์ปกครองสืบมาครั้นถึง
พ.ศ.๑๕๔๗ มีชาวบ้านจับปลาไหลเผือกได้
ลำตัวโตขนาดต้นตาล ยาวประมาณ ๗ วา
เมื่อฆ่าแล้วแจกจ่ายให้ผู้คนในเมืองได้นำไปประกอบอาหารรับประทาน ในคืนนั้น
เมืองนี้ได้เกิดอุทกภัย ฟ้าคะนอง แผ่นดินไหว และเมืองนี้ก็จมหายกลายเป็นหนองน้ำไป ชาวเมืองที่ไม่ประสบภัยได้ร่วมใจกันสร้างเมืองใหม่ขึ้นชื่อ
เวียงปรึกษา และนับว่าเป็นการสิ้นสุดแห่งราชวงศ์สิงหนวัติ
ส่วนราชวงศ์ลวจังกราชนั้น ตามตำนานเล่าว่า
ประมาณ พ.ศ. ๑๑๘๑ (ศักราชในตำนานแต่ละฉบับไม่ตรงกัน) มีการสร้างเมืองขึ้นบริเวณดอยตุง
(อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย) โดยในช่วงแรกที่สร้างเมืองนั้นยังไม่มีผู้ปกครองอย่างชัดเจน
ครั้นเมื่อพญาอนิรุทธได้เชิญเจ้าเมืองทุกเมืองไปประชุมตัดศักราช
เมืองแห่งนี้ไม่มีกษัตริย์ที่จะไปร่วมทำการตัดศักราช
ประชาชนในเมืองจึงทูลขอให้พระอินทร์ส่งกษัตริย์มาปกครองที่เมืองนี้ พญาลวจังกราช
(สันนิษฐานว่าพญาลวจังกราชนั้น อาจจะเป็นชาวพื้นเมืองในเขตดอยตุง ตามตำนานเรื่องปู่เจ้าลาวจก
) รับบัญชาจากพระอินทร์ลงมาปกครองเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน พญาลวจังกราชได้เสด็จลงมาจากสวรรค์
พร้อมทั้งมเหสีและบริวารทั้งหลายไต่ตามบันไดเงินลงมาบริเวณดอยตุง
ชาวบ้านจึงพร้อมใจให้เป็นผู้ปกครองเมืองและมีการสถาปนานามเมืองขึ้นว่า เมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน
และมีกษัตริย์ปกครองสืบมาหลายพระองค์จนถึงพญาลาวเมง พระราชบิดาของพญามังราย
ผู้สถาปนาอาณาจักรล้านนา ซึ่งเรื่องนี้มีปรากฏใน ตำนานเมืองเงินยางเชียงแสน
นอกจากนี้ยังพบว่ามีเมืองพะเยาซึ่งเป็นเมืองเก่าที่สำคัญอีกเมืองหนึ่ง
ตามเอกสารตำนานต่างๆ เรียกชื่อว่า ภูกามยาว เรื่องราวของเมืองนี้ปรากฏเรื่องราวในตำนานเมืองพะเยา
ฉบับวัดศรีโคมคำ ตำนานเมืองพะเยา ฉบับหอสมุดแห่งชาติ ประชุมพงศาวดารภาค ๖๑
และมีข้อมูลจากศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่สอง ปรากฏชื่อเมืองพะเยาด้วยดังข้อความว่า
เมืองใต้ออกพ่อขุนนำถุม
เบื้องตะวันออกเถิง…เบื้องหัวนอนเถิงลุนคาขุนคาขุนด่าน … เบื้องในหรดีถึงฉอด
เวียงเหล็ก … เบื้องตะวันตกเถิง …ลำพูน … บู .. เบื้องพายัพถึงเชียงแสนและพะเยา … ลาว …
ตามตำนานเมืองพะเยา
กล่าวว่าเมืองนี้สร้างขึ้นโดยพ่อขุนจอมธรรมซึ่งเป็นราชบุตรของพ่อขุนลาวเงินหรือขุนเงินแห่งเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน
พ่อขุนจอมธรรมได้อพยพประชาชนมาสร้างเมืองพะเยา และสืบสายพระราชวงศ์ปกครองเรื่อยมา
กษัตริย์พระองค์สำคัญอีกพระองค์หนึ่งของพะเยาเป็นที่รู้จักของปัจจุบันดี คือ พญางำเมือง
ซึ่งตามตำนานเล่าว่าพระองค์เป็นพระสหายของพญามังราย
และได้ทรงมาร่วมสร้างเมืองเชียงใหม่ด้วย
นอกจากพญางำเมืองแล้ว ตามตำนานต่างๆ
ได้กล่าวถึงพญาเจืองหรือขุนเจือง ผู้นำแห่งเมืองพะเยาผู้มีความสามารถมาก
นอกจากเมืองต่างๆ
ดังกล่าวนามข้างต้นแล้ว
บริเวณลุ่มแม่น้ำปิงมีชุมชนสำคัญอีกชุมชนหนึ่งที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีวิวัฒนาการสืบต่อกันมาเป็นเวลานานคือ
เมืองหริภุญไชย หรือลำพูน มีเอกสารหลายเรื่องที่กล่าวถึงเมืองนี้ ได้แก่ ตำนานลำพูน
ตำนานพระธาตุหริภุญไชย จามเทวีวงศ์ ตำนานมูลศาสนา และชินกาลมาลีปกรณ์
![]() |
พระธาตุหริภุญไชย |
ตำนานการเกิดเมืองหริภุญไชยหรือการสร้างเมืองหริภุญไชยที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
คือ ตำนานพระธาตุหริภุญไชยซึ่งเป็นตำนานทางพุทธศาสนา
กล่าวถึงการเสด็จมาของพระพุทธเจ้ายังพื้นที่แห่งนี้แล้วทรงมีพุทธทำนายว่าภายหน้าจะเกิดบ้านเมืองใหญ่ขึ้น
มีเจดีย์ในพุทธศาสนาไว้กราบไหว้บูชา ตำนานกล่าวว่า
พระพุทธเจ้าเลียบแม่น้ำระมิงคือว่าม่พิงขึ้นมาภายเหนือเถิงอุตรถานที่นี้ฮู้ว่าจักเป็นที่ตั้งสุวัณณเจดีย์แห่งนั้นแล้ว
พระพุทธเจ้าก็ปรารภเพื่อว่าจักนั่งในขณะอันนั้นหินก้อนหนึ่งก็บุแผ่นดินออกมาตั้งอยู่
พระพุทธเจ้าวางบาตรไว้แล้วก็นั่งอยู่เหนือก้อนนั้น
ในกาลนั้นชมพูนาคราชก็ออกมาอุปฐากพระพุทธเจ้า พญากาเผือกก็ออกมาอุปฐากพระพุทธเจ้า
ลัวะพรานป่าผู้หนึ่งหื้อหมากสมอเป็นทานแก่พระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าสันหมากสมอแล้วซัดกะดูกหมากสมอตกลงเหนือแผ่นดิน กะดูกหมากสมออันนั้นก็แวดวัดผัด
๓ รอบพระพุทธเจ้ารู้เหตุอันนั้นแล้วแย้มไค่หัวหื้อปรากฏ
มหาอานนท์ถามเหตุอันนั้นเซิ่งพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทำนายว่า ดูราอานนท์
เมื่อตถาคตนิพพานแล้วช้านานฐานะที่นี้จักเป็นมหานครอันหนึ่งชื่อว่าเมืองหริภุญไชยบุรี
เหตุพระตถาคตได้สันหมากสมอในฐานะที่นี้พระพุทธเจ้าและตนก่อเจติยคำและหลัง และที่อันตถาคตนั่งนี้จักเป็นที่ตั้งสุวัณณเจดีย์คำแห่งตถาคตนิพพานไปแล้วธาตุกะหม่อมธาตุดูกอกธาตุดูกนิ้วมือธาตุย่อยตถาคตเต็มบาตรหนึ่งก็ตักมาตั้งอยู่ในฐานะที่นี้เมื่อใดพรานป่าผู้อันหื้อหมากสมอเป็นทานแก่ตถาคตและเกิดมาเป็นพญาอาทิตยราชเสวยเมืองหิรัญภุญไชยที่นี้ดั่งอั้น
(ตำนานพระธาตุหริภุญไชย, ๗๙-๘๐.)
นอกจากตำนานพระธาตุหริภุญไชยซึ่งเป็นตำนานทางพุทธศาสนาแล้วยังพบว่ามีพงศาวดารเกี่ยวกับเมืองหริภุญไชย
อาทิ จามเทวีวงศ์ ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ตำนานมูลศาสนา
ชินกาลมาลีปกรณ์
เอกสารเหล่านี้ได้กล่าวถึงตำนานการสร้างเมืองหริภุญไชยไว้เช่นกันแต่ข้อมูลหรือช่วงระยะเวลาที่ปรากฏในเอกสารนั้นจะแตกต่างกันจึงต้องเลือกศึกษาอย่างละเอียดจากหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดค้นพบประติมากรรมรูปกวางหมอบซึ่งเป็นวัตถุทางพุทธศาสนาที่นิยมสร้างในวัฒนธรรมทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่
๑๓ – ๑๔ จึงทำให้ชินกาลมาลีปกรณ์ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับการสร้างเมืองหริภุญไชยที่ระบุปีที่สร้างไว้ใกล้เคียงกับอายุของหลักฐานทางโบราณคดีเป็นเอกสารหรือตำนานที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในบรรดาตำนานทั้งหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น