วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ราชวงศ์มังรายกับการสร้างนครเชียงใหม่ ศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนา


พญามังราย  :  ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์มังราย
พญามังรายตั้งเมืองชะแวได้เพียง ๑ ปีก็เกิดน้ำท่วม จึงได้ย้ายมาสร้างเมืองอีกเมืองหนึ่ง คือ เวียงกุมกาม เมื่อ พ.ศ.๑๘๒๙ ขณะที่พญามังรายครองเวียงกุมกาม ขุนครามครองเมืองเชียงราย ทำให้เมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสนว่างเว้นเจ้าเมืองปกครอง  พญามังรายจึงมีบัญชาให้ท้าวแสนภู พระโอรสของขุนคราม กลับไปฟื้นฟูเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน ท้าวแสนภูจึงได้นำครอบครัวและเสนาอำมาตย์ ประชาชนลงเรือเสด็จล่องตามลำแม่น้ำกกจากเมืองเชียงรายสู่เมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน ออกสู่แม่น้ำโขงและแวะพักที่เวียงปรึกษา (เชียงแสนน้อย) จากนั้นจึงได้เสด็จสู่เมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน ทรงทำการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงเมือง ท้าวแสนภูโปรดฯ ให้ขุดคูก่อสร้างกำแพงเมืองตามแนวกำแพงเดิม ถอนวัดหลวงออกและให้สถาปนาวัดเจดีย์หลวงขึ้นแทนที่ และใน พ.ศ.๑๘๓๘ ได้สร้างวัดป่าสักไว้นอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตก
พญามังรายอยู่ที่เวียงกุมกามได้ ๕ ปีก็มีพระราชดำริว่าจะสร้างเมืองใหม่เนื่องจากเวียงกุมกามน้ำท่วมบ่อยครั้ง พระองค์ทรงเลือกบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง ตอนเหนือของเวียงกุมกาม บริเวณเชิงดอยสุเทพ โดยสร้างเป็นเมืองชั่วคราวก่อน จากนั้นจึงได้ทูลเชิญพญาร่วงแห่งเมืองสุโขทัยและพญางำเมืองแห่งเมืองพะเยามาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการวางผังเมือง ซึ่งพื้นที่ตั้งเมืองแห่งใหม่นี้ปรากฏลักษณะมงคลของเมือง ๗ ประการ ดังในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ความว่า

ดูรา เจ้าสหายเราพร้อมกันจักตั้งเวียงที่นี้เผือข้าหันเป็นไชยมงคล ๗ ประการดังนี้ อันแต่ก่อนได้ยินสืบมาว่ากวางเผือก ๒ ตัวแม่ลูกลุกแต่ป่าใหญ่หนเหนือมาอยู่ไชยภูมิที่นี้คนทังหลายย่อมกระทำบูชาเป็นไชยมงคลปถมก่อนแล อัน ๑ ว่าฟานเผือก ๒ ตัว แม่ลูกมาอยู่ไชยภูมิที่นี้รบหมา หมาทังหลายพ่ายหนีบ่อาจจักจั้งได้สักตัวเป็นไชยมงคลถ้วน ๒ อัน ๑ เล่าเราทังหลายได้หันหนูเผือกกับบริวาร ๔ ตัวออกมาแต่ไชยภูมิที่นี้เป็นไชยมงคลอันถ้วน ๓ อัน ๑ ภูมิฐานเราจักตั้งเวียงนี้สูงวันตกหลิ่งวันออกเป็นไชยมงคลอันถ้วน ๔ แล อันอยู่ที่นี้หันน้ำตกแต่อุจสุบัพพัตตดอยสุเทพไหลมาเป็นแม่น้ำไหลขึ้นไปหนเหนือ แล้วไหลกระวัดไปหนวันออกแล้วไหลไปใต้แล้วไหลไปวันตกเกี้ยวเวียงกุมกาม แม่นำนี้เป็นนครคุณเกี้ยวเมืองอันนี้เป็นไชยมงคลถ้วน ๕ แม่น้ำอันนี้ไหลแต่ดอยลงมาที่ขุนน้ำได้ชื่อว่าแม่ข่าไหล เมือวันออกแล้วไหลไปใต้เทียบข้างแม่พิงไปได้ชื่อว่าแม่โทต่อเท้าบัดนี้แล อันหนึ่งหนองใหญ่มีวันออกซ้วยเหนือแห่งไชยภูมิได้ชื่อว่าอีสาเนราชบุรีว่าหนองใหญ่มีหนอีสาน ท้าวพญาต่างประเทสจักมาปูชาสักการมากนักเป็นไชยมงคลถ้วน ๖ แล อัน ๑ แม่ระมิงไหลมาแต่มหาสระอันพระพุทธเจ้าเมื่อยังธรมานได้มาอาบในดอยอ่าวสรงไหลออกมาเป็นขุนน้ำแม่ระมิงพายวันออกเวียงเป็นไชยมงคลถ้วน ๗ แล (ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่, ๔๕)

เมื่อสร้างเมืองแล้วเสร็จใน พ.๑๘๓๙ “พญาทังสามก็เบิกนามเมืองว่า นพบุรีศรีนครเชียงใหม่

แผนที่เมืองเชียงใหม่ซึ่งแนวกำแพงเมืองเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เกือบจะเป็นจัตุรัส
ซึ่งได้รับอิทธิพลการสร้างเมืองลักษณะนี้มาจากสุโขทัย

ปัจจัยที่ส่งผลให้พญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่อันเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาใน พ.ศ. ๑๘๓๙ นั้น มีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง ทั้งการที่อาณาจักรพุกาม เริ่มเสื่อมอำนาจลงใน พ.ศ.๑๗๗๗ เนื่องจากการทรุดโทรมของอาณาจักร และการมีกษัตริย์ที่อ่อนแอ ใน พ.ศ. ๑๘๓๐ กุบไลข่านจากมองโกลตีพุกามได้สำเร็จ จึงทำให้ดินแดนพม่าแตกแยกเป็นหลายส่วน
อาณาจักรเขมรโบราณซึ่งเคยเป็นอาณาจักรที่เรืองอำนาจถึงบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาได้เสื่อมอำนาจลง กระทั่งถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ก็เสียดินแดนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาให้แก่อาณาจักรสุโขทัย สมัยพ่อขุนรามคำแหง (สันนิษฐานว่าคือพญาร่วงแห่งเมืองสุโขทัยในตำนานของล้านนานั่นเอง”
พญามังรายทรงใช้โอกาสที่อาณาจักรใกล้เคียงเสื่อมสลาย อันมีผลมาจากความเสื่อมโทรมของอาณาจักร และความอ่อนแอของกษัตริย์ ในการสร้างฐานพระราชอำนาจของพระองค์ โดยพระองค์ได้สร้างภาพลักษณ์ของตนให้เหมาะสมตามคุณลักษณะของผู้นำที่ดี อาทิ มีบุคลิกภาพดี มีสติปัญญาดี มีบุญญาธิการ มีคุณธรรม มีความรู้ในจารีตประเพณี เป็นต้น
พญามังรายสามารถขยายพระราชอำนาจได้กว้างขวางและรวดเร็วกว่ากษัตริย์พระองค์อื่นๆ เนื่องจาก พญามังรายอ้างสิทธิธรรมจากการเป็นผู้สืบสันตติวงศ์จากปฐมกษัตริย์โดยตรง และได้ปกครองเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่และมีความสำคัญที่สุดในขณะนั้น โดยพระองค์ได้อ้างสิทธิธรรมที่พระองค์สืบเชื้อสายโดยตรงจากลาวจกโดยได้ผ่านพิธีรับน้ำมุทธาภิเษกและได้รับเครื่องราชาภิเษก คือ ดาบไชย หอก และมีดศรีกัญไชย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นของที่ตกทอดมายังกษัตริย์ทุกพระองค์ เพื่อแสดงถึงศักดดิ์และสิทธิ์ในราชสมบัติแต่เพียงพระองค์เดียว นอกจากนี้ พญามังรายทรงอ้างว่าเจ้าเมืองอื่นๆ นั้นเพียงแค่สืบสายจากพี่น้องแห่งพระราชวงศ์ที่ห่างออกไป จึงถือเป็นเพียงเมืองบริวาร มีหน้าที่ต้องส่งส่วยให้แก่เมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสนด้วย
ตัวอย่างหลักฐานที่ปรากฏในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ที่เน้นให้เห็นถึงสิทธิอันชอบธรรมในการดำรงอำนาจเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของพญามังรายว่า

ลาวครอบลาวช้าง บ่ได้น้ำมุทธาภิเษกรดหัวสักคน เท่าปู่กู้เจ้าพระยาลาว เก๊าอันเป็นน้องเขาเจ้าลาวครอบช้างนั้นตนเดียว ได้น้ำมุทธาภิเษกเป็นพระยาสืบปรัมปราต่อเท่าถึงกูบัดนี้ อันเครื่องราชาภิเษก เป็นต้นว่า ดาบไชย หอก และมีดศรีกัญไชย แก้วแสงอันอุดมมักเป็นของแก่ เช่นปู่เจ้าลาวจกมา กูก็ได้ทรงมาต่อเท่าบัดนี้ทุกอัน เขาฝูงเป็นพระยาอยู่จิ้มใกล้กู บ่ได้น้ำมุทธาภิเษกอย่างกูสักคน ...

ในการสร้างเมืองเชียงใหม่ พญามังรายทรงเชิญพญางำเมือง และพ่อขุนรามคำแหงมาร่วมกันพิจารณาถึงชัยภูมิและการวางผังเมือง ผังเมืองเชียงใหม่มีลักษณะคล้ายกับผังเมืองสุโขทัย ทั้งนี้เพราะเมืองเชียงใหม่รับอิทธิพลมาจากสุโขทัย ผังเมืองจึงเป็นรูปทรงแบบสี่เหลี่ยม ซึ่งหลังจากนั้นไม่พบว่าเมืองใดในล้านนามีการวางผังเมืองเช่นนี้อีก
สาเหตุที่พญามังรายย้ายเมืองหลวงจากเวียงกุมกามมายังเชียงใหม่มีเหตุผลทั้งหมด ๔ ประการ คือ
๑. เชียงใหม่ตั้งอยู่กลางระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำกกและที่ราบลุ่มแม่น้ำปิงจึงสามารถควบคุมหัวเมืองต่างๆ ที่ขึ้นอยู่กับแคว้นโยนและแคว้นพิงค์
๒.ที่ตั้งของเชียงใหม่เหมาะสำหรับการเป็นศูนย์กลางทางการค้า เพราะสามารถใช้แม่น้ำปิงในการติดต่อค้าขายกับหัวเมืองตอนใต้ได้อย่างสะดวก และยังสามารถติดต่อค้าขายกับเมืองตอนบน เช่น เชียงแสน  ยูนนาน ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้มีความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ
๓.ความอุดมสมบูรณ์ของที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง โดยเฉพาะบริเวณที่ตั้งเชียงใหม่จะเป็นที่ราบขนาดใหญ่ที่ติดต่อกันไปจนถึงลำพูน  นับเป็นที่ราบผืนใหญ่ที่สุดในอาณาจักรล้านนาจึงมีความเหมาะสมต่อการตั้งชุมชนขนาดใหญ่ที่ทำอาชีพเกษตรกรรม
๔.บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างดอยสุเทพกับแม่น้ำปิง มีความเหมาะสมเพราะพื้นที่ลาดเทมาจากตะวันตกมาตะวันออก สายน้ำจากดอยสุเทพจะไหลมาหล่อเลี้ยงตัวเมืองเชียงใหม่ตลอดเวลา และทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองมีหนองน้ำใหญ่อยู่จึงบริบูรณ์ไปด้วยน้ำ
นอกจากนั้นการสร้างเมืองเชียงใหม่ ยังเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นด้วย เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังอำนาจของมองโกลลดลง เพราะจักรพรรดิกุบไลข่านสิ้นพระชนม์แล้ว กล่าวคือ จักรพรรดิกุบไลข่านแห่งมองโกลส่งกองทัพไปตีอาณาจักปาไป่ซีฟู ( ล้านนา ) ครั้งแรกใน พ.ศ.๑๘๓๕ มีสาเหตุมาจากการที่พญามังรายให้ความช่วยเหลือแก่ผู้นำไทยใหญ่สามพี่น้องในการขับไล่กองทัพมองโกลออกจากพุกาม
เมื่อหัวหน้าไทยใหญ่สามพี่น้องประสบความสำเร็จในการขับไล่มองโกลออกไป พญามังรายก็ได้โอกาสในการเข้ายึดหริภุญชัย และผนวกแคว้นโยนเข้าเป็นอาณาจักร  นับเป็นการประกาศความเข้มแข็งของพญามังรายซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายอำนาจของมองโกลในดินแดนแถบนี้ การเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งใหญ่ของพญามังรายในลักษณะต่อต้านมองโกลดังกล่าวทำให้มองโกลยกทัพมาตีอาณาจักรของพระองค์
หลังจากถูกมองโกลรุกรานแล้ว  พญามังรายยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะแสดงท่าทีต่อต้านอำนาจมองโกลเพราะเกรงว่าจะถูกมองโกลโจมตีอีก พญามังรายรอดูท่าทีจนเห็นว่าอำนาจของมองโกลลดลง พญามังรายจึงได้สร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงของอาณาจักรให้เกิดขึ้น อีกทั้งการอัญเชิญพญางำเมืองและพญาร่วงมาร่วมตั้งเมืองเชียงใหม่นั้นยังแสดงให้เห็นถึงกลุ่มพันธมิตรของพญามังรายได้อย่างชัดเจน
ในสมัยของพญามังราย อาณาจักรล้านนามีความมั่งคั่งและสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากพระองค์สามารถควบคุมเมืองตามที่ราบลุ่มแม่น้ำ และเส้นทางบกที่สำคัญได้เป็นผลสำเร็จ ได้แก่ ที่ราบลุ่มแม่น้ำสบกก ที่ราบลุ่มเมืองฝาง ที่ราบลุ่มแม่น้ำยม และที่ราบลุ่มแม่น้ำน่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณลุ่มแม่น้ำปิงและลุ่มแม่น้ำวังมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางในการติดต่อค้าขายกับเมืองทางใต้ได้ตลอดถึงละโว้และอโยธยา และมีเส้นทางทางบกที่สามารถเดินทางไปได้ทุกเมือง
พญามังรายสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับอาณาจักรล้านนานานัปการตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทั้งทางด้านการขยายอาณาเขตให้กว้างขวาง โดยเลือกเอาเมืองใหญ่ที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นเส้นทางติดต่อกับหัวเมืองสำคัญ เป็นศูนย์กลางอำนาจ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านการเกษตรกรรมและการค้า ด้านกฎหมาย มีการใช้กฎหมาย “มังรายศาสตร์” ในการควบคุมดูแลสังคมให้เกิดความสงบสุข นอกจากนี้ยังทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยการสร้างพุทธสถานและพระพุทธรูป ในอาณาจักรล้านนาอีกด้วย จึงถือได้ว่าอาณาจักรล้านนาในสมัยพญามังราย เป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรล้านนาที่มีความเจริญรุ่งเรือง

พญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่และประทับอยู่เมืองนี้ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ พญามังรายต้องอสุนีบาตที่ตลาดกลางเมืองเชียงใหม่สิ้นพระชนม์ใน พ.๑๘๖๐

3 ความคิดเห็น:

  1. สวัสดีครับ ผมอยากติดต่อเรื่องแผนที่เมืองเชียงใหม่ในอดีตครับ

    ตอบลบ
  2. The Top Casino in Reno | Dr.D.MCD
    The Best Casino in 전라북도 출장안마 Reno. The only place to live a casino and play at 오산 출장마사지 the best casino in Reno! · Experience 제천 출장샵 the most thrilling 강릉 출장안마 casino 강릉 출장샵 and gaming

    ตอบลบ